การ วิเคราะห์อาการเสีย RAM, CPU, Mainboard

การวิเคราะห์อาการเสียของอุปกรณ์ประมวลผล Ram , CPU, Mainboard ,RAM
-มีเสียงร้องหลังจากเปิดเครื่องและไม่มีภาพ
มีสาเหตุดังนี้
1. เสียบ RAM ไม่แน่น
วิธีแก้ไข : ให้ลองเปิ ดฝาเครื่องแล้วขยับ RAM ให้แน่น
2. เกิดจากหน้าสัมผัสของ RAM ไม่สะอาด
วิธีแก้ไข : เปิดฝาเครื่องออกมาแล้วให้ลองขยับ RAM ให้แน่น ถ้ายังไม่หายให้ลองถอด RAM ออกมาทํา
ความสะอาดหน้าสัมผัสโดยใช้ยางลบดินสอหรือนํ้ายา
3. เกิดจากการเสียบ RAM ผิดแถว
วิธีแก้ไข :เมนบอร์ดบางรุ่นต้องเสียบ RAM ไล่จากแถวที่1 ขึ้นไป ให้ลองนํา RAM มาเสียบที่Slot ที1 และ
ไล่ลงไปในกรณีที่มี RAM หลายแถว
4. RAM ที่ใส่ไปไม่ตรงกับชนิดที่เมนบอร์ดรับได้
วิธีแก้ไข :ตรวจสอบกับคู่มือเมนบอร์ดว่าเป็นชนิดที่ถูกต้องและขนาดที่ไม่เกินที่เมนบอร์ดกําหนดในแต่ละ
แถว ถ้าไม่ถูกให้นํา RAM ชนิดที่ถูกต้องมาใส่
5. เกิดจากความผิดพลาดของกระบวนการเช็คตอนเปิดเครื่อง ( POST) ของ BIOS
วิธีแก้ไข : ในบางครั้งจะจดจําการติดตั้งฮาร์ดแวร์ในตําแหน่งต่างๆ ไว้และทําการตรวจเช็คทุกครั้งที่เปิด
เครื่อง ดังนั้นเมือมีการเปลียนแปลง หรือสลับตําแหน่งของสล็อตที่เสียบอุปกรณ์ต่างๆเครื่องอาจจะเช็คว่า
เกิดความผิดพลาดได้ โดยที่จริงๆ แล้วไม่ได้มีอุปกรณ์ใดๆ เสียเลย  แต่เพราะเครื่องได้จดจําข้อมูลตําแหน่งของสล็อตทีเสียบฮาร์ดแวร์ต่างๆ ไว้ แต่ยังไม่ได้ทําการอัพเดทหรือรีเฟรช (Refresh ) ทําให้เมืÉอเปิ ดเครื่องแล้วถึงขั้นตอนการตรวจสอบเครื่องจะฟ้องว่าฮาร์ดแวร์ผิดพลาด วิธีแก้คือ ให้ลองสลับแถวของ RAM แล้วลองเปิดเครื่องใหม่ เพื่อให้เครื่องจดจําตําแหน่งหรือ Reset  BIOS  โดยการถอดถ่านของ BIOS บนเมนบอร์ดออกสักครู่ หนึ่ง แล้วกลับเข้าไปใหม่จากนั้นลองเปิดเครื่องใหม่อีกครั้ง
6. RAM เสีย
วิธีแก้ไข : ให้ลองนําRAM ตัวอื้นที่ใช้ได้มาเสียบแทนในช่องเดียวกัน ถ้าหากใช้ได้แสดงว่า RAM เสีย ถ้า RAM เสียก็ต้องซื้อมาเปลี่ยนสถานเดียว
-เปิดเครื่องแล้ว แต่ Test Memory (RAM) ไม่ผ่านมีสาเหตุดังนี้
1. สล็อตเสียบ RAM เสียหรือเสียมคุณภาพ
วิธีแก้ไข : เป็นไปได้ทีÉเมืÉอใช้ไปแล้วสล็อตเสียบ RAM เสืÉอมคุณภาพ ให้ลองย้าย RAM ไปใส่ในสล็อตอื่น
แล้วลองบู๊ตเครื่องใหม่
2. RAM เสียหรือเสียมคุณภาพ
วิธีแก้ไข : ให้ลองนํา RAM ตัวอื่นที่ใช้ได้มาเสียบแทนในช่องเดียวกันถ้าผ่านแสดงว่า RAM เสีย ก็ต้องซื้อมาเปลียนใหม่ใช้แล้ว
-เครื่องแฮงก์ง่ายมีสาเหตุดังนี้
1. อาจเกิดจากการตั้งค่าความถี่ที่ใช้กับ RAM ไม่ถูกต้อง
วิธีแก้ไข : ดูที่สเปค (Spec) ของ RAM สามารถทํางานที่ความถี่เท่าไรตั้งให้ถูกต้อง โดยเซ็ทที่ BIOS หรือ
เมนบอร์ดบางรุ่นต้องเซ็ทที่Jumper บนเมนบอร์ด โดยสามารถดูรายละเอียดจากคู่มือของเมนบอร์ดนั้นๆ ได้
2. อาจเกิดจากการตั้งค่าการหน่วงเวลา (Wait state) ไม่ถูกต้อง
วิธีแก้ไข : กลับไปตั้งค่าให้ถูกต้องเหมือนเดิม หรือตั้งค่าเป็นแบบ  by SPD จะสะดวกทีÉสุด
3. อาจเกิดจากการเลือกคุณสมบัติพิเศษ เช่น Fast page , EDO ไม่ถูกต้อง
วิธีแก้ไข : ควรศึกษาคุณสมบัติพิเศษต่างๆ ให้เข้าใจอย่างละเอียดก่อนที่จะเลือกใช้คุณสมบัตินั้นๆ ถ้าไม่
แน่ใจให้แก้กลับมาที่ Load Default Setup หรือ Disable เพราะถ้าเลือกใช้คุณสมบัติพิเศษ โดยที่ RAM ตัวนั้นไม่รองรับ ก็จะทําให้เกิดความผิดพลาดในการทํางานได้
4. อาจเกิดจาก Clip RAM ร้อนเกินไป
วิธีแก้ไข : ในกรณีทีบางครั้ง RAM ทํางานหนักและเกิดอาการร้อนเกินไปจะทําให้เกิดการทํางานผิดพลาดได้
ดังนั้นถ้าต้องการเสถียรภาพในการทํางานมากขึ้นเราควรปรับปรุงระบบระบายความร้อนภายในเครื่องให้ดี
ขึ้น เช่นเพิ่มพัดลมระบายความร้อนภายในเครื่อง วางคอมพิวเตอร์ไว้ในที่ที่มีอากาศถ่ายเทได้สะดวกหรือห้องแอร์ก็จะยิ่งดี
5. อาจเกิดจาก RAM เสื่อม
วิธีแก้ไข : RAM บางตัวที่ใช้งานไปนานๆ Clip บางตัวบน RAM อาจเสื่อมได้โดยที่เครื่องยังสามารถทํางานได้ตามปกติ แต่เมื่อเครื่องได้ใช้งานมาถึงตําแหน่งทีÉเสื่อมบนRAM ตัวนั้น จะทําให้เกิดการทํางานผิดพลาดได้วิธีแก้คือ ลองถอด RAM ตัวที่คิดว่าเสื่อมออกแล้วนํา RAM ตัวอื่นที่ดีมาใส่แทน และลองใช้งานดู ถ้าทํางานได้ตามปกติแสดงว่า RAM ตัวนั้นเสีย ให้ซื้อตัวใหม่มาเปลี่ยนแต่อาการแบบนีÊขอบอกว่าพิสูจน์ยาก บางครั้งเราต้องรอจังหวะ
-เมื่อใช้งานน้อยกว่าขนาดที่แท้จริงมีสาเหตุดังนี้
1. เสียบ RAM ที่มีขนาดเกินกว่าที่ช่องเสียบ RAM นั้นรับได้
วิธีแก้ไข : เมนบอร์ดบางตัวจะกําหนดขนาดของ RAM สูงสุดต่อแถวที่เสียบได้ในแต่ละช่องสล็อตดังนั้น
ควรอ่านคู่มือของเมนบอร์ดดูก่อนว่าสล็อตใดเสียบ RAM ที่มีขนาดสูงสุดได้เท่าไร เช่น เมนบอร์ดบางรุ่น
ช่องเสียบ RAM แถวที่ 1ใส่ RAM ได้สูงสุดไม่เกินแถวละ128 MB ถ้าเรานํา RAM ขนาด แถวละ 256 MB
มาใส่เครื่องจะไม่สามารถรับได้หรือมองเห็นแค่เพียง 128 MB เท่านั้น
2. ขนาดของ RAM รวมทัÊงหมดเกินกว่าทีÉเมนบอร์ดจะรับได้
วิธีแก้ไข : เมนบอร์ดทุกอันจะมีขนาดรวมของ RAM สูงสุดที่เมนบอร์ดรับได้ไม่ใช่ว่าจะสามารถซื้อ RAM
มาใส่เท่าไรก็ได้ควรอ่านคู่มือ ของเมนบอร์ดรุ่นนั้นด้วย
3. RAM บางส่วนถูกนําไปใช้ในด้านอื่น
วิธีแก้ไข : เหตุการณ์นี้จะเกิดขึ้นเมนบอร์ดบางรุ่น ที่มีอุปกรณ์บางประเภทOnboard ซึ้งจะใช้หน่วยความจํา
ร่วมกับ RAM ทําให้เมื่อเปิดใช้งานเนื่อที่ของ RAM บางส่วนจะถูกจองไว้สําหรับใช้งานของอุปกรณ์ตัวนั้น
โดยเฉพาะ จึงทําให้เวลาระบบปฏิบัติการแสดงผลขนาดของ RAM จะเหลือไม่เท่ากับขนาดที่แท้จริงของ
RAM เช่น เมนบอร์ดบางรุ่นที่มี VGA Card Onboard และแจ้งว่ามี RAM ของ VGA Card ขนาด 16 MB แต่เมื่อใช้งานจะใช้เนื้อที่ของ RAM ที่เสียบลงไปบนเมนบอร์ด ดังนั้น ถ้าเราเสียบ RAM ขนาด 128 MB ลงไปบนเมนบอร์ดจะเหลือ RAM ที่ใช้งานกับระบบจริงเพียง 128 MB คือ 112 MB
4. อาจเกิดจาก RAM เสื่อม
วิธีแก้ไข : เราสามารถดูตามอาการเสียของRAM ที่ได้กล่าวมาข้างต้น
-RAM ที่มีความเร็วสูงแต่ทํางานที่ความเร็วตํ่า
1. เมนบอร์ดไม่สามารถรองรับ RAM ที่มีความเร็วสูงกว่าทีÉกําหนดได้
วิธีแก้ไข : ไม่สามารถแก้ได้ ถ้าต้องการให้ RAM ทํางานทีÉความเร็วสูงต้องซื้อเมนบอร์ดรุ่นที่รองรับได้ เช่นRAM ที่มีความเร็ว 133 MHz เมืÉอนํามาใส่เมนบอร์ดที่รองรับ RAM ทีÉมีความเร็วสูงสุดที่100 MHz RAM ตัวนั้นจะทํางานได้ที่ความเร็วแค่ 100 MHz
2. ไม่ได้ตั้งค่าทีÉ BIOS ให้ถูกต้อง
วิธีแก้ไข : ที่BIOS จะมีเมนูสําหรับตั้งค่าความเร็วของ RAM ที่เราต้องการให้เราไปปรับค่าให้ถูกต้องหรือให้เลือกเป็น Auto
3. ไม่ได้เซ็ทค่าจั้มเปอร์บนเมนบอร์ด
วิธีแก้ไข : เมนบอร์ดบางรุ่นจะมีการเซ็ทความถี่ของ RAM ที่จั่มเปอร์บนเมนบอร์ด ให้ศึกษาและเซ็ทตาม
คู่มือเมนบอร์ด
CPU
การแก้ปัญหาอันเนื่องมาจากความร้อนของ CPU  มีข้อแนะนํา ดังนี้
1.ไม่ควรเพิ่มความเร็วสัญญาณนาฬิกาหรือ Overclock โดยไม่จําเป็น
2.เลือกใช้ฮีตซิงค์และพัดลมระบายอากาศCPU ที่มีประสิทธิภาพ
3.เลือกเคสที่โปร่งและสามารถติดตั้งพัดลมระบายอากาศภายในเคสเพิ่มเติมได้
4.ไม่ควรเปิดเครื่องคอมพิวเตอร์ทํางานในห้องที่ร้อนอบอ้าวเป็นเวลานานๆ ถ้าจะทํางานเป็นเวลานานๆควรเปิดเครื่องปรับอากาศด้วย
5.อย่าให้มีอะไรมาบังช่องทางของพัดลมระบายอากาศด้านหลังเครื่อง
ปัญหานี้สามารถพบเห็นได้บ่อยๆ ในปัจจุบัน ที่ความเร็วในการทํางานของCPU นัÊนสูงขึ้นมาก แต่ก็สามารถแก้ไขหรือช่วยผ่อนหนักเป็นเบาได้
-สาเหตุที่มักทําให้CPU มีความร้อนสูงขึÊนจนทําให้เครื่องเกิดอาการแฮงค์มีดังนี้
• การเพิ่มความเร็วสัญญาณนาฬิกาหรือการ Overclock : เป็นทีÉนิยมอย่างมากในหมู่ของผู้ใช้ที่ค่อนข้าง
เชี่ยวชาญในการใช้งานคอมพิวเตอร์เป็นเพราะว่าผู้ใช้เหล่านั้นจะทราบดีว่าความเร็วของCPU ที่ระบุหรือ
กํากับมากับตัวCPU แต่ละตัวนั้น ไม่ใช่ค่าความเร็วสูงสุดที่แท้จริงแต่เป็นเพียงค่าความเร็วที่เหมาะสม
สําหรับทําให้การทํางานของCPU นั้นเกิดความเสถียรมากที่สุดซึ่งผู้ใช้เหล่านี้ก็มักจะมีการดัดแปลงให้CPUเหล่านี้มีความเร็วในการทํางานสูงขึ้นกว่าที่กํากับไว้ให้มากที่สุดเท่าที่จะทําได้ แต่ผลเสียที่ตามมาก็คืออายุ
การใช้งานของCPU ที่สั้นลงและความร้อนที่เกิดขึ้นนั้นจะสูงขึ้นมากกว่าปกติจนเป็นสาเหตุที่ทําให้เครื่อง
คอมพิวเตอร์นั้นแฮงค์บ่อยๆ
• การเลือกใช้ฮีตซิงค์และพัดลมระบายอากาศCPU ที่ไม่มีประสิทธิภาพ : นอกจากสาเหตุอันเนืÉองมาจาก
การ Overclock แล้วนั้นในการเลือกใช้ฮีตซิงค์และพัดลมระบายอากาศ CPU ที่ไม่มีประสิทธิภาพก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่งทีÉทําให้เครื่องเกิดอาการแฮงค์ขึ้นได้เพราะหน้าที่ของฮีตซิงค์และพัดลมระบายอากาศCPU ก็คือนําพาความร้อนจากCPU มาเก็บไว้ที่ตัวแล้วใช้พัดลมเป่าเพือระบายอากาศเพราะฉะนั้นถ้าวัสดุที่นํามาใช้ทําฮีตซิงค์ไม่มีคุณสมบัติของการนําพาความร้อนที่ดีพอ และพัดลมระบายอากาศเป่ าระบายความร้อน
ออกไปได้ไม่ทันรวมทั้งใช้สารเชื่อมความร้อน หรือซิลิโคนที่ไม่มีคุณภาพผลที่ตามมาก็คือเครื่องแฮงค์ในปัจจุบันจะมีฮิตซิงค์และพัดลมระบายอากาศCPU ให้เลือกซื่ออยู่อย่างมากมาย หลายรุ่น หลายยี่ห้อดังนั้นจึงต้องเลือกฮีตซิงค์และพัดลมระบายอากาศCPU ให้เหมาะสมและมีประสิทธิภาพเพียงพอต่อการใช้งานด้วย
-การแก้ปัญหาอันเนืjองมาจากความร้อนของ CPU  มีดังนี้
• ไม่ควรเพิjมความเร็วสัญญาณนาฬิกาหรือ Overclock โดยที่เราไม่จําเป็น
• เลือกใช้ฮีตซิงค์และพัดลมระบายอากาศCPU ทีÉมีประสิทธิภาพ
• เลือกเคสที่โปร่งและสามารถติดตั้งพัดลมระบายอากาศภายในเคสเพิ่มเติมได้
• ไม่ควรเปิดเครื้องคอมพิวเตอร์ทํางานในห้องที่ร้อนอบอ้าวเป็นเวลานานๆ
• อย่าให้มีอะไรมาบังช่องทางของพัดลมระบายอากาศด้านหลังเครื่อง
Mainboard
เป็นแผงวงจรหลักในคอมพิวเตอร์มีลักษณะเป็นแผ่นPCB (Print Circuit Board) ใช้สําหรับติดตั้งอุปกรณ์
อิเล็กทรอนิกส์ต่างๆรวมทั้งCPU , หน่วยความจําหรือRAM และแคช (Cache) ซึ่งหน่วยความจําความเร็วสูงสําหรับพักข้อมูลระหว่างCPU และ RAM อุปกรณ์ที่สําคัญอีกชนิดหนึ่งซึ่งอยู่บนเมนบอร์ดได้แก่ชิปเซ็ต
(Chipset) ภายในประกอบด้วยทรานซิสเตอร์ขนาดเล็กจํานวนหลายล้านตัวการทํางานระหว่างอุปกรณ์ชนิดต่างๆ เป็นส่วนสําคัญทีทําให้เมนบอร์ดแต่ละยีห้อและแต่ละรุ่นมีคุณสมบัติต่างกันนอกจากนี้บนเมนบอร์ดยังมีช่องสําหรับเสียบการ์ดเพิมเติมทีเรียกว่า สล็อต(Slot) ซึ้งการ์ดจอ, การ์ดเสียง ฯลฯ ต่างก็เสียบอยู่บนสล็อต นอกจากนี้เมนบอร์ดในปัจจุบันยังได้รวมเอาส่วนควบคุมการทํางานต่างๆ ไว้บนตัวเมนบอร์ดอีกด้วยได้แก่ ส่วนควบคุมฮาร์ดดิสก์ (Harddisk Controller), พอร์ตอนุกรม (Serial Port) พอร์ตขนานหรือพอร์ตเครื่องพิมพ์(Printer Port), พอร์ต PS/2, USB (Universal Serial Bus) รวมทั้ง Keyboard Controller สําหรับอุปกรณ์อืนทีมีมาตังแต่เริมกําเนิดเมนบอร์ดได้แก่ ROM BIOS และ Real-Time Clock เป็นต้น
อาการเสียทีมักจะเกิดบ่อยทีผู้ใช้ควรรับรู้และสามารถแก้ไขได้ตัวอย่างเช่น
1.รู้ได้อย่างไรว่าเมนบอร์ดทีใช้อยู่รองรับอุปกรณ์Onboard อะไรบ้างหากอยากรู้ว่าคอมพิวเตอร์หรือ
เมนบอร์ดที่ใช้อยู่มีอุปกรณ์ Onboard อะไรแถมมาด้วยก็ไม่ยากโดยให้ดูที่ด้านท้ายเคสซึงจะมีพอร์ตสําหรับ
ต่อเมาส์และคีย์บอร์ด ถ้าหากเมนบอร์ดมีอุปกรณ์Onboard อืÉนให้มาด้วยก็จะมีพอร์ตสําหรับอุปกรณ์นัÊนเช่นพอร์ต Modem, Lan, VGA, Sound คือ ถ้าพบมีพอร์ตดังกล่าวอยู่ท้ายเคสก็ให้เสียบใช้งานได้ทันที
2. การ์ดจอ Onboard เสียจะทําอย่างไรปัญหานี้จะแสดงอาการออกมาในลักษณะเปิดเครื่องได้เห็นไฟเข้า
เครื่องทํางานปกติหน้าจอจะไม่มีภาพอะไรเลยผู้ใช้หลายคนนึกว่าเมนบอร์ดเสียจึงไปหาซื้อเมนบอร์ดมา
เปลี่ยนใหม่ทําให้สูญเสียเงินไปโดยใช่เหตุสาเหตุเป็นเพราะระบบแสดงผลของชิปเซ็ตบนเมนบอร์ดเสีย ทําให้ไม่มีภาพปรากฏบนหน้าจอวิธีแก้ ให้ทําการจัมเปอร์บนเมนบอร์ดเป็น Disable หรือกําหนดค่าในBIOS ให้เป็น Disable ขึ่นอยู่กับรุ่ น
ของเมนบอร์ด แล้วนําการ์ดจอมาติดตังลงในสล็อต AGP แทน หากเป็นรุ่ นทีไม่มีสล็อต AGP ก็คงต้องหาซื้อการ์ด PCI มาติดตั้งแทน
3. เมนบอร์ดมีการ์ดเสียง Onboard ไม่ทํางาน
สาเหตุ
1. ยังไม่ได้กําหนดให้ใช้งานวงจรเสียงได้จากBIOS
2. ยังไม่ติดตั้งไดรเวอร์สําหรับวงจรเสียงดังกล่าว
3. อาจเป็นส่วนของวงจรเสียงในชิปเซ็ตเสีย
วิธีแก้
1. กําหนดค่าในBIOS โดยเลือกหัวข้อ Integrated Peripherals
2. เลือกหัวข้อ Onboard Hardware Audio และกําหนดค่าเป็น Enabled
3. Save ค่าไว้และออกจากBIOS บู๊ตเครื่องใหม่
4. ใช้แผ่นไดรเวอร์เมนบอร์ดติดตั้งไดรเวอร์เสียงลงใน Windows หากติดตั้งแล้วใช้การไม่ได้แสดงว่าส่วน
วงจรเสียงเสียให้ Disabled ยกเลิกการใช้งานในBIOS  แล้วหาซื้อการ์ดเสียงมาติดตั้งใหม่
4. จะติดตั้งพอร์ต USB ของตัวเครืÉ องเข้ากับเมนบอร์ดได้อย่างไร เมนบอร์ดทั่วไปมักจะมีพอร์ต USB ติดตั้งมาให้จํานวน 2 พอร์ต โดยจะมีขั่วพอร์ต USB ให้อีก 1 ช่องสําหรับต่อพอร์ต USB ได้อีก 2 พอร์ตซึ่งพอร์ตต่อเพิมพอร์ต USB มักเป็น Options เสริมทีต้องซือเพิมเอาเอง แต่ในตัวเคสรุ่นใหม่ทีด้านหน้าหรือด้านข้างมักจะมีพอร์ตเสริม USB มาให้อีก 2 พอร์ตวิธีแก้ การติดตังพอร์ตเสริม USB ของตัวเคสจํานวน 2 พอร์ต เพือให้ใช้งานได้จะต้องนําสายสัญญาณและสายจ่ายไฟจํานวน 8 เส้นมาเสียบต่อเข้ากับช่องต่อพอร์ตUSB บนเมนบอร์ด โดยจะต้องดูคู่มือเมนบอร์ดประกอบด้วยอย่าเสียบผิดสายเพราะสาย USB จะมีไฟเลี้ยงอยู่ด้วย จะทําให้อุปกรณ์ต่อพ่วงเสียหายได้สําหรับขัÊนตอนการติดตั้งพอร์ต USB ตัวเครื่องเข้ากับเมนบอร์ดดังนี้
          1. เปิ ดฝาเครืองออกมาและหาตําแหน่งขั่วต่อพอร์ต USB บนเมนบอร์ด โดยทีÉขา 1 จะมีเส้นทึบ สีขาวขีดคร่อมอยู่
          2.นําสายสัญญาณและสายจ่ายไฟพอร์ต USB จากเมนบอร์ดมาเรียงไว้ โดยสายจะมี 2 ชุด ๆ ละ 4 เส้น
          3. นําสายทัÊง 2 ชุดเสียบเข้ากับขัวต่อพอร์ต USB บนเมนบอร์ดโดยดูจากคู่มือเมนบอร์ดประกอบกันด้วยอย่าสลับสายกันเป็นอันขาด
5. ใช้งานพอร์ต USB 2.0 ผ่านเครืองพิมพ์ ไม่เห็นความเร็วเพิมขึน
สาเหตุพอร์ต USB 2.0 เป็นพอร์ตมาตรฐานเพิงออกมาใหม่รองรับความเร็วในการส่งผ่านข้อมูลได้สูงถึง
480 Mbps หรือเร็วกว่าพอร์ต USB 1.1 ถึง 40 เท่า แต่ใช่ว่าเมื่อเมนบอร์ดรองรับพอร์ต USB 2.0 แล้วจะ
สามารถใช้งานได้เลย ต้องทําการติดตังไดรเวอร์ของ USB 2.0 ให้ถูกต้องเสียก่อน
วิธีแก้ สําหรับวิธีการตรวจดูว่าคอมพิวเตอร์ของเราได้ติดตังและใช้ความสามารถของพอร์ต USB 2.0 แล้ว
หรือยังมีดังนี
1. ใน Windows XP ให้คลิกปุ ่ ม Start>Control Panel>Switch to classic view
2. ดับเบิลคลิกทีไอคอน system
3. คลิกแท็ป Hardware
4. คลิกปุ่ม Device Manager
5. คลิกเครืองหมาย + หน้า Universal Serial Bus controllers จะพบว่ามีแต่ไดรเวอร์ของ USB 1.1 ติดตั้งไว้
เท่านั้น สําหรับ USB 2.0 ยังไม่ได้ติดตัÊง (มีเครื่องหมายตกใจสีเหลืองหน้าตัว Universal Serial Bus (USB)
Controller
6. ให้ติดตั้งไดรเวอร์ USB 2.0 โดยการคลิกเมาส์ขวาที่ตัว Universal Serial Bus (USB) Controller และเลือก
Update Driver…
7. เมื่อปรากฏหน้าจอให้ Update Driver ให้ใส่แผ่นซีดีรอมไดรเวอร์ของเมนบอร์ดเข้าเครื่องและคลิกเลือก
หัวข้อInstall the software automatically และดําเนินการตามขัÊนตอนทีÉปรากฏหน้าจอต่อไป
8. ในขัÊนตอนทีÉ 6 หากต้องการติดตั้งไดรเวอร์ USB จากแผ่นไดรเวอร์เมนบอร์ดโดยตรงก็สามารถทําได้โดยใส่แผ่นไดรเวอร์เข้าไปในเครืองเพือให้รันโดยอัตโนมัติ ซึงจะปรากฏหน้าจอให้ เลือกข้อ VIA USB 2.0Driver และดําเนินการไปตามข้นตอนที่ปรากฏบนหน้าจอไปจนเสร็จสิ้นหลังจากนั้นจะบู๊ตเครื่องขึ้นมาใหม่
9. ให้เข้าไปตรวจสอบสถานะของไดรเวอร์ USB 2.0 ว่าได้รับการติดตังแล้วหรือไม่โดยเข้าไปที Control
Panel ซึ่งจะพบว่ามีไดรเวอร์ของ USB 2.0 ได้รับการติดตัÊงแล้วคือ USB 2.0 Root Hub และ VIA USB 2.0
Enchanced Host Controller เพียงเท่านีเมือมีการใช้งานพอร์ต USB 2.0 เช่น สังพิมพ์งานเอกสารด้วย
เครืองพิมพ์งานเอกสารด้วยเครืองพิมพ์ผ่านพอร์ต USB 2.0 งานพิมพ์แทบจะวิงออกมาทีเดียว6. เปิด
สวิทซ์แล้วเครืองไม่ทํางานใดๆ เลยไฟก็ไม่ติด ไม่มีเสียงร้อง
-สาเหตุที1 ปลักPower Supply หลวม
วิธีแก้ ให้ลองขยับปลัก Power Supply ทังทางด้านหลังเครืองคอมพิวเตอร์และทีเต้าเสียบให้แน่น
- สาเหตุที2 อาจเป็นทีPower Supply เสีย
วิธีแก้ ให้ลองตรวจเช็คว่ามีไฟออกจาก Power Supply ถูกต้องหรือไม่วิธีสังเกต ถ้าเป็นสายไฟสีแดงจะมีค่า+5 Volt ถ้าเป็นสายสีเหลืองจะมีค่า +12 Volt หรืออาจสังเกตง่ายๆ ขั้นต้นว่าเมื่อเปิดสวิทซ์นันพัดลมทีติดอยู่กับPower Supply หมุนหรือไม่ และเป็นไปได้ทีบางครัง Power Supply อาจจะเสียแต่พัดลมยังหมุนอยู่ เราอาจจะลองนํา Power Supply ตัวอืนทีไม่เสียมาลองเปลียนดูก็ได้ ถ้าเสียก็ซืออันใหม่มาเปลียนเอาแบบวัตต์สูง ๆ ก็จะดี
- สาเหตุทีÉ 3 เป็นทีเมนบอร์ดเสีย
วิธีแก้ ถ้าPower Supply ไม่เสียมีไฟเลีÊยงเข้าเมนบอร์ดตามปกติให้ลองเช็คโดยการถอดการ์ดต่างๆ และ
RAM ออกหมด ถ้าเปิ ดเครืองแล้วไม่มีเสียงร้องแสดงว่าเมนบอร์ดหรือ CPU เสีย แต่ถ้ามีเสียงร้องแสดงว่าอุปกรณ์บางตัวทีถอดออกไปเสียและถ้าหากเมนบอร์ดเสียให้ส่งทีร้านซ่อมหรือซือเมนบอร์ดใหม่
- สาเหตุที4 CPU หลวม
วิธีแก้ส่วนใหญ่จะเกิดขึÊนกับCPU ประเภทซ็อคเก็ตสล็อตวัน (Slot 1) และซ็อคเก็ตสล็อตทู (Slot 2) เช่น
เพนเทียมทู เป็นต้นให้เราปิ ดฝาเครืองและลองขยับCPU ทีดูเหมือนแน่นอยู่แล้วให้แน่นขึนไปอีก
- สาเหตุที 5 CPU เสีย
วิธีแก้ ลองหา CPU ตัวใหม่มาลองเปลียนแทนถ้าใช้ได้ก็แสดงว่าตัวเก่าเสียแน่นอน
- สาเหตุที 6 เป็นทีอุปกรณ์บางตัวเสียทําให้เกิดไฟฟ้ าลัดวงจร
วิธีแก้ให้ลองใส่ตรวจเช็คทีละตัว
7. เปิดเครืองแล้วมีเสียงร้องแต่ไม่ยอมทํางานใด
- สาเหตุที่1 อุปกรณ์บางตัวทีÉต่อกับเมนบอร์ดหลวม
วิธีแก้ถ้าอุปกรณ์บางตัวทีต่อกับเมนบอร์ดหลวม จะทําให้กระบวนการเช็คค่าเริมต้น(POST) ของ BIOS
ฟ้ องค่าผิดพลาด ให้เราเปรียบเทียบค่าสัญญาณ Beep Code จากคู่มือเมนบอร์ด
- สาเหตุที 2 อุปกรณ์บางตัวทีÉอยู่บนเมนบอร์ดต่อไม่ถูกต้อง
วิธีแก้ ส่วนใหญ่มักเกิดกับRAM ปกติเมือเราเปิดเครืองแล้วมีปัญหาไม่สามารถแสดงภาพออกทางหน้าจอในตอนเริ มต้นได้ BIOS จะพยายามแจ้งอาการเสียผ่านทางเสียงร้องออกทางลําโพงทีÉอยู่ภายในเครืÉ อง ให้เราเปรียบเทียบค่าสัญญาณ Beep Code จากคู่มือเมนบอร์ด
- สาเหตุที 3 อุปกรณ์บางตัวทีÉต่อกับเมนบอร์ดเสีย
วิธีแก้ ให้เราลองเปรียบเทียบค่าสัญญาณ Beep Code จากคู่มือเมนบอร์ดดู
- สาเหตุที 4 Chip บนเมนบอร์ดบางตัวเสียวิธีแก้ ให้ลองไปดูเครืÉ อง Beep Code และถ้าสาเหตุมาจาก Chip บนเมนบอร์ดให้ไปส่งร้านซ่อมเพืÉอเปลีÉยน Chip
8. เครืÉ องทํางานพืÊนฐานตามปกติได้แต่ไม่สามารถใช้อุปกรณ์บางตัวได้ โดยทีอุปกรณ์ตัวนันไม่ได้เสี ย
-สาเหตุที 1 Chip บางตัวบนเมนบอร์ดเสีย
วิธีแก้ ให้ลองไปดูเรืÉ อง Beep code และถ้าสาเหตุมาจาก Chip บนเมนบอร์ดให้ไปส่งร้านซ่อมเพือเปลียน
Chip
- สาเหตุที 2 สล็อตหรือพอร์ตบางพอร์ตบนเมนบอร์ดเสีย
วิธีแก้ ลองเปลีÉยนการ์ดตัวนัÊนไปเสียบสล็อตอืÉนทีÉเหลือแทน แล้วลองทดสอบตามปกติ ถ้าเหมือนเดิมส่งร้าน
ซ่อมหรือซื้อเมนบอร์ดใหม่
- สาเหตุที 3 เกิดการ Conflict กับอุปกรณ์ตัวอืÉน
วิธีแก้ เข้าไปทีÉ Device Manager ให้สังเกตว่ามีเครืÉ องหมายอัศเจรีย์ (!)แสดงว่าทีÉอุปกรณ์ตัวนัÊนมีปัญหาให้
ดับเบื่ลคลิกทีÉอุปกรณ์ตัวนันเพืÉอเข้าสู่ Properties จากนัÊนลองแก้ไขค่า Resources ต่างๆ เพืÉอไม่ให้ซํ Êากับ
อุปกรณ์ตัวอืÉน
- สาเหตุทีÉ 4 ไม่ได้ลงไดรเวอร์
วิธีแก้ ให้ทําการติดตัÊงไดรเวอร์ลงไป โดยไดรเวอร์มักจะแถมมากับอุปกรณ์ตัวนัÊนๆ หรือถ้าหาไม่ได้ให้ลอง
ดาวน์โหลดไดรเวอร์จากเว็บไซต์ผู้ผลิตดู
- สาเหตุทีÉ 5 ลงไดรเวอร์ผิดรุ่ น
วิธีแก้ในบางครัÊงทีÉระบบปฏิบัติการจะตรวจสอบชนิดและรุ่ นของอุปกรณ์ตัวนัÊนๆ โดยอัตโนมัติ ซึÉ งมีความ
เป็นไปได้ทีÉผลของการตรวจสอบจะคลาดเคลืÉอน ทางทีÉดีควรตรวจเช็คให้แน่ว่ารุ่ นของอุปกรณ์ตรงกับไดร
เวอร์ทีÉลงหรือไม่ถ้าไม่แน่ใจให้ลงไดรเวอร์จากแผ่นโปรแกรมทีÉมาพร้อมกับเครืÉ อง
9. คอมพิวเตอร์แฮงก์บ่อยๆ โดยหาสาเหตุไม่ได้
- สาเหตุทีÉ 1 อาจเกิดจากไวรัสคอมพิวเตอร์
วิธีแก้ ลองใช้โปรแกรม Antivirus เวอร์ชัÉ นอัพเดทตรวจสอบฮาร์ดดิสก์ทัÊงหมด
- สาเหตุทีÉ 2 คุณภาพเมนบอร์ดไม่ถึงมาตรฐาน
วิธีแก้ อาจเป็นเพราะคุณภาพของเมนบอร์ดไม่ถึงมาตรฐานของโรงงาน ซึÉ งโดยมากมักเกิดกับเมนบอร์ดทีÉ
เพิÉงซืÊอมาใหม่ ให้เอาไปเปลีÉยน
- สาเหตุทีÉ 3 ไฟล์ระบบปฏิบัติการชํารุด
วิธีแก้ ถ้ามัÉ นใจแล้วว่าไม่ได้เกิดจากไวรัสและสาเหตุอืÉนๆ ให้เรา Backup ข้อมูล ฟอร์แมต แล้วลง
ระบบปฏิบัติการและโปรแกรมใหม่ทัÊงหมด
10. เวลาบู๊ตเครืÉ องต้องกด F1 ทุกครัÊงสาเหตุ พบความผิดพลาดขณะทําการตรวจสอบระบบเรียกว่า Post (Power On Self  Test)
วิธีแก้ เมืÉอขณะเปิ ดเครืÉ อง BIOS จะทําการตรวจสอบระบบเรียกว่า Post (Power On Self  Test) ถ้าพบความ
ผิดพลาดจะมีข้อความแจ้งให้ผู้ใช้ทราบและหยุดรอผู้ใช้กดF1 เพืÉอทํางานต่อ ซึÉ งข้อผิดพลาดส่วนใหญ่มักเกิด
จากการทีÉเราตัÊงค่าใน BIOS ว่ามีอุปกรณ์บางอย่างอยู่ในเครืÉ องซึÉ งไม่มีอยู่จริง เมืÉอ BIOS ว่ามีอุปกรณ์
บางอย่างอยู่ในเครืÉ องซึÉ งไม่มีอยู่จริง เมืÉอ BIOS ค้นหาอุปกรณ์ต่างๆ แล้วไม่พบอุปกรณ์ดังกล่าวจึงแจ้งความ
ผิดพลาดให้เราทราบ ซึÉ งเราอาจเข้าไปแก้ค่าต่างๆ ใน BIOSให้ตรงกับความจริง ปัญหาทีÉ BIOS ก็จะหายไป
เอง หรือวงจร RTC มีปัญหาให้ส่งซ่อมทีÉร้านได้
11. หลังจากทีÉเปิ ดเครืÉ องแล้วมีแต่เสียงปีËบ ยาวๆเกิดขึÊนและเครืÉ องก็ไม่สามารถทํางานต่อไปได้
วิธีแก้ตามปกติเมืÉอเปิ ดเครืÉ องแล้วคุณจะได้ยินเสียงดังปีËบสัÊนๆ หนึÉ งครัÊงซึÉ งเสียงนีÊสืÉอให้คุณรู้ว่าระบบทุก
อย่างอยู่ในสภาพปกติ ไม่มีอะไรผิดพลาด อย่างไรก็ตาม เสียงทีÉเกิดขึÊนนีÊมีหลากหลายรูปแบบคุณจะต้องแยก
ให้ออก ว่าเสียงนัÊนดังอย่างไร จากตัวอย่างเช่น สัÊนสลับยาวหรือดังยาวๆเพียงครัÊงเดียวนอกจากนีÊเมนบอร์ด
ทีÉใช้BIOS ต่างยีÉห้อกันเสียงทีÉเกิดขึÊนก็จะบ่งบอกสาเหตุของปัญหาทีÉแตกต่างกันไปอีกด้วย
 อ้างอิงจาก: http://203.172.182.172/~kriengsak/computer/computer/cpu_ram.pdf